โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา"

โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา" โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา" ถ้าจะเอ่ยถึงประเทศ “เยอรมนี” ผู้คนจำนวนมากคงจะวาดรูปภาพถึงประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ ความล้ำยุคของเทคโนโลยี ประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ แล้วก็สิ่งหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงมิได้เลยมันก็คือ “บอลของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี”

          เมืองไทยของพวกเรานั้นเป็นประเทศที่หลงใหลในเกมลูกหนังของยุโรปเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของฤทธิ์บอลลูกหนังเมืองเบียร์สดในตอนต้นทศวรรษ 90 ถึงตอนสมัยต้น 2000 ถือได้ว่าตอนยุคทองของแวดวงบอลเยอรมันเลยก็ว่าได้ ไล่ตั้งแต่ การครองแชมป์โลกยุคที่ 3 ของกลุ่มชาติเยอรมันใน 1990 (ยุคยังคงใช้ชื่อว่าเยอรมันตะวันตก) การถ่ายทอดสดเริ่มเป็นที่แพร่หลายจนถึงทำให้มีอาการชาวไทยได้ทราบจะกับสตาร์ดังล้นหลามในสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็น พบร์เก้น คลิ้นส์มันน์, รูดี้ โฟลเดอร์ รวมทั้ง  โลธาร์ มัทเธอุส ต่อมาในปี 1996 กองทัพอินทรีเหล็ก ก็ก้าวหน้าใส่ความเสร็จในระดับประเทศอีกรอบด้วยการคว้าชัยชนะยูโร 1996ในแผ่นดินอังกฤษ 

          ไม่เพียงแค่ในระดับประเทศแค่นั้นที่บรรลุเป้าหมาย กับลีกอาชีพที่มีชื่อว่า "บุนเดสลีกา" ก็จัดว่าประสบผลสำเร็จไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ในปี 1996 บาเยิร์น มิวนิค ครอบครองแชมป์ยูฟ่า คัพ (ยูโรปา คัพ ในตอนนี้) และก็ในปี 1997 สมาพันธ์ผู้แทนจากเยอรมันพูดได้ว่าเป็นเจ้าที่ยุโรปอย่างแท้จริง เนื่องมาจากสามารถครองแชมป์ยุโรปได้ถึง 2 ใบในปีเดียว ชาลเก้ คว้าชัยชนะยูฟ่า คัพ (ยูโรปา คัพ ในตอนนี้) รวมทั้ง ดอร์ทมุนด์ คว้าชัยชนะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนถึงในปี 2001 บาเยิร์น มิวนิค ก็คว้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกคราว ตอกย้ำซ้ำเติมการบรรลุผลและก็ยกฐานะลีกอาชีพสู่สุดยอด

          ในปลายสมัย 90 ถึงต้น 2000 ทั้งโลกเจอกับปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจ และก็สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีก็เป็นเยี่ยมในประเทศที่ได้รับผลพวงจากวิกฤตินี้ โดยลุกลามมาถึงแวดวงฟุตหลายๆสมาคมในศึกบุนเดสลีกา จนถึงมีการสนับสนุนให้มีกฎที่เป็นเอกลักษณ์ของบอลเยอรมันที่มีชื่อว่า 50+1 ว่าแต่ว่ากฎนี้เป็นอย่างไร แล้วเพราะเหตุไรถึงจะต้องกฎนี้ขึ้นมาด้วยล่ะ นักเขียนจะชี้แจงให้ฟังอย่างง่ายมันก็คือ กฎนี้เป็นการดูแลภาวะการกระฉับกระเฉงทางด้านการเงินของสมาพันธ์ เพื่อคุ้มครองปัญหากรุ๊ปบุคคลที่เข้ามาเทคโอเวอร์สมาพันธ์แล้วก็ใช้เงินเกินกำลัง เป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้ เสี่ยงล้มละลายแล้วก็ถูกควบคุมการคลังโดยแบงค์ กฎนี้เป็นการให้แฟนบอลเข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของสมาพันธ์ ทางแฟนบอลจะมีหุ้น 51% แล้วก็ทางด้านของเจ้าของกิจการมีหุ้นส่วน 49 % สำเร็จทำให้ลีกบอลของเยอรมัน หรือ บุนเดสลีกา เป็นลีกบอลของแฟนบอลอย่างแท้จริง โดยแฟนบอลสามารถมีส่วนร่วมสำหรับในการแสดงความเห็นรวมทั้งบริหารกลุ่ม ซึ่งพวกเราจะมองเห็นได้ว่าเอกลักษณ์แบบนี้ถูกดีไซน์มาเพื่อทำให้ตามที่ต้องการรวมทั้งคุณประโยชน์สูงสุดให้กับแฟนบอลอย่างจริงใจ 

          เพราะฉะนั้นจากคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกฎ 50+1 ทำให้หลายๆสมาพันธ์หันมารอบคอบในเรื่องของสภาพการณ์การคลังเยอะขึ้น บวกกับแนวทางของสมาพันธ์บอลเยอรมัน หรือ เดเอฟเบ มีการช่วยเหลือแล้วก็ปรับปรุงองค์ประกอบในระบบเยาวชนของสมาพันธ์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีก็เลยไม่เคยขาดดาวรุ่งฝีเท้าดีในตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยรวมทั้งก้าวขึ้นมาสู่สุดยอดไม่ว่าจะเป็น มานูเอล นอยเอ้อร์, เมซุส โอสิล, ซามี่ เคดิร่า, มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ รวมทั้ง เยโรม บัวเต็ง ฯลฯ จะมองเห็นได้จากการบรรลุเป้าหมายของระบบเยาวชนในระดับโลกเป็นต้นว่า กลุ่มชาติเยอรมัน ชุดอายุต่ำลงยิ่งกว่า 21 ปี คว้าชัยชนะยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี มาแล้วถึง 3 ครั้งในปี 2009, 2017 แล้วก็ครั้งปัจจุบันในปีนี้ 2021

          ดังนี้ศึก "บุนเดสลีกา เยอรมัน" ฤดู 2021/22 ได้รูดม่านเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว บุนเดสลีกาก็เลยให้ความใส่ใจกับแฟนบอลทั้งโลกแล้วก็ต้องการเชื้อเชิญสหายๆแฟนบอลทุกคน มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ความตรึงใจและก็เรื่องราวที่สุดมัน สนุกสนานแล้วก็น่าเร้าใจทั้งผองนี้ ผ่านทาง social media ทุกหนทางไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter แล้วก็ Instagram ในแคมเปญ #YouAreTheBundesliga คอบอลบุนเดสลีกาตัวจริงพลาดมิได้อย่างยิ่งจริงๆสำหรับฤดูนี้ เข้ามาร่วมให้ความเห็นกันกับแฟนบอลทั่วทั้งโลกผ่าน #YouAreTheBundesliga 

          บุนเดสลีกา เยอรมัน นั้นขึ้นชื่อสำหรับในการบ่มเพาะดาวรุ่งในระบบเยาวชน ทั้งยังในกลุ่มชาติเยอรมันเองรวมทั้งชาติอื่นที่มาค้าลำแข้งในลีกนี้ตั้งแต่วัยเด็ก ในสมัยก่อนมีผู้เล่นเยาวชนที่เติบโตจากลีกที่นี้แล้วก็ประสบผลสำเร็จจำนวนมากจนกระทั่งก้าวไปสู่ระดับนานาชาติเยอะแยะ ได้แก่ ลูคัส โพดอลสกี้, ฟิลิป ลาห์ม รวมทั้ง มาริโอ เกิทเซ่ คนที่ทำประตูชัยให้กลุ่มชาติเยอรมัน ครอบครองแชมป์บอลโลกปี 2014 (ยุคที่ 4) รวมทั้งยังเคยครอบครองรางวัลโกลเด้น บอย เมื่อปี 2011 อีกด้วย ฯลฯ

          เอ่ยถึงรางวัล "โกลเด้น บอย" รางวัลดาวรุ่งเหมาะสมที่สุดที่ยุโรป ที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยการรวมกันของสื่อมีชื่อเสียงชั้นแนวหน้าของทวีปยุโรป เพื่อสงเสริมเยาวชนลูกหนังที่ส่งผลงานอันดีเลิศ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเพชรที่แวดวงลูกหนัง ดาวดังที่แวดวงลูกหนังหลายรายล้วนเคยครอบครองรางวัลนี้มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าแข้งระดับนานาชาติอย่าง ลิโอเนล เมสเซี่ (2005), คิลิจนกระทั่ง เอ็มบัปกระเป๋า (2017) เป็น และก็รางวัลปัจจุบันในปี 2020 เป็นของดาวรุ่งพุ่งแรงอนาคตไกล จากค่ายเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอ้อร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ด้วยฟอร์มรุนแรงและก็สะดุดตา เมื่อฤดูที่แล้ว ยิงในลีกเยอะที่สุดเป็นชั้นที่ 3 รวมทั้งมีส่วนร่วมสำหรับการครอบครองแชมป์ เดเอฟเบ โพติดอยู่ล แล้วก็ได้โควต้าไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย และก็นี่เป็นดาวรุ่งที่แก่เพียง 21 ปี โดยในเวลานี้เขาก็เดินหน้ากระหน่ำประตูแบบตลอด ตอนนี้ลงเล่นให้กับยอดกลุ่มที่เวสต์ฟาเล่นไปแล้ว 67 นัดหมายซัดไปแล้ว 68 ประตู แล้วก็มีส่วนร่วมกับแนวทางการทำประตูถึง 19 ครั้ง ทุกรายการ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเพียงแต่เท่านี้ 

          แล้วก็ในช่วงฤดูกาลนี้ 2020/21 มีดาวรุ่งหลายรายเด่นที่ขึ้นมาจากระบบเยาวชนรวมทั้งทำผลงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  4 ตัวเอก ที่จะเป็นผู้แทนดาวรุ่งจากบุนเดสลีกาที่มีชื่อลุ้นในรางวัล "โกลเด้น บอย" ดังเช่นว่า จู๊ด เบลลิ่งหมูแฮม และก็ โจวานนี่ เรย์น่า จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, จามาล มูเซียล่า จาก บาเยิร์น มิวนิค รวมทั้ง โฟลเรียน เวียร์ทซ์ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูสังเวย พวกเราจะมาดูทีเด็ดของเด็กระเบิดกลุ่มนี้ว่าพวกเขาเยี่ยมที่สุดแค่ไหน ถึงมีลุ้นเป็นเลิศดาวรุ่งที่สุดที่ปีของยุโรป

1.จู๊ด เบลลิ่งหมูแฮม (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา"

          มาดูกันที่รายแรก จู๊ด เบลลิ่งหมูแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งจากเกาะอังกฤษที่ย้ายจาก เบอร์มิงแฮม สู่บุนเดสลีกาในสังกัดของ ดอร์ทมุนด์ ด้วยผลงานอันสะดุดตาอีกทั้งท่าทางการฉุดเลื้อยเร็วดังลมกรด แล้วก็การจบสกอร์ที่เฉียบคมในวัยเพียงแต่ 18 ปี นับว่าฝีเท้าเกินวัย โดยมีส่วนร่วมสำหรับการพาทัพเสือเหลือง ได้แชมป์เดเอฟเบ โพค้างล เมื่อฤดูที่แล้ว ด้วยฝีเท้าอันสะดุดตากระทั่งไปเข้าตา มึงเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติอังกฤษ เรียกติดกลุ่มชาติชุดใหญ่ แล้วก็เป็นเลิศในคีย์แมนปิดทองหลังพระคนสำคัญที่ทำให้กองทัพสิงโตขู่คำรามไปไกลถึงการด้อยกว่าแชมป์ยู 2020 เมื่อตอนไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็เลยไม่ต้องประหลาดใจเลยว่าเพราะเหตุใดเขาถึงมีชื่อสำหรับเพื่อการลุ้นในปีนี้

2.โจวานนี่ เรย์น่า (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา"

          รายลำดับที่สอง โจวานนี่ เรย์น่า มีดีเอ็นสายโลหิตนักเตะมาแต่กำเนิด ป๊ะป๋าของเขา เคลาดิโอ เรย์น่า ก็เป็นนักเตะด้วยเหมือนกัน โดยเคยค้าหน้าแข้งในศึกบุนเดสลีกาด้วยเช่น ไบเออร์ เลเวอร์คูบวงสรวง แล้วก็ โอ้อวดล์สบวร์ก โดยเจ้าหนูจิโอ เริ่มสำหรับในการค้าลำแข้งในระบบเยาวชนของ นิวยอร์ค เร้ด บูล ก่อนจะเปล่งแสงกระทั่งไปสะดุดตาของแมวมองของอค้างเดมี่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยมาร่วมทีมในช่วงฤดูกาล 2019/20 ก่อนจะทำผลงานเด่นขึ้นเรื่อยจนถึงแปลงเป็นตัวหลักของสมาคม ทีเด็ดของเขาสำหรับการเข้าทำก็คือมีส่วนร่วมสำหรับการทำแต้ม (แอสซิสต์) แล้วก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าชัยชนะ เดเอฟเบ โพค้างล ในฤดูกาลก่อนหน้าที่ผ่านมาอีกด้วย ฟอร์มเป็นที่ปรากฏชัดก็เลยทำให้เขาถูกเรียกติดกลุ่มชาติประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งยังชุดเยาวชน และก็ชุดใหญ่ โดยยอดเยี่ยมในขุมกำลังหลักสำหรับเพื่อการได้แชมป์ คอนติดอยู่เคฟ เนชั่นส์ ลีก 2019/20 เป็นอีกหนึ่งตัวเด่นที่หน้าสังเกตสำหรับเพื่อการครอบครองรางวัลอย่างมากอีกหนึ่งคนเลยทีเดียว

3.จามาล มูเซียล่า (บาเยิร์น มิวนิค)

โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา"

          รายลำดับที่สาม ส่งเข้าแข่งขันโดย บาเยิร์น มิวนิค โดยทางด้านเจ้าหนู จามาล วัย 18 ปี ร่วมกองทัพอค้างเดมี่ของ เสือใต้ เมื่อปี 2019 ด้วยผลงานโหดเหี้ยมเกินกำลังเลยถูกดันขึ้นมาเล่นในชุดสำรองของกลุ่ม จนกระทั่งช่วยทำให้กองทัพ "ดี บาเยิร์น" ครอบครองแชมป์ลีกา 3 ไปครอบครองได้เสร็จ ด้วยฟอร์มอันรุนแรงกระทั่งไปสะดุดตา ฮันซี่ ฟลิค (อดีตกาลผู้ฝึกสอนบาเยิร์น มิวนิค ที่เดี๋ยวนี้คุมกลุ่มชาติเยอรมัน) เรียกเขาขึ้นมาเล่นชุดใหญ่โดยลงเล่นไปเมื่อฤดูที่แล้ว 37 นัดหมายทุกรายการ และก็ยิงไปถึง 7 ประตู โดยถือได้ว่าผู้เล่นที่อายุน้อยที่จัดว่าประเสร็จพอเหมาะพอควร ไล่ครอบครองแชมป์จำนวนไม่ใช่น้อยไม่ว่าจะเป็น บุนเดสลีกา, เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ, ยูฟ่า คลับ ซูเปอร์คัพ แล้วก็ สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ คลับ เวิร์ล คัพ โดยเขาถูกเรียกติดกลุ่มชาติเยอรมันชุดใหญ่ รวมทั้งประดับธงไปแล้ว 8 นัดหมาย ซึ่งจอมบุกรายนี้ถูกเห็นว่านี่เป็นอนาคตของกองทัพอินทรีเหล็กในวันข้างหน้า ผลงานอันดีเลิศ แล้วก็การได้แชมป์อันมากไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้เขาเป็นเยี่ยมในตัวเก็งสำหรับเพื่อการครอบครองรางวัลนี้

4.โฟลเรียน เวียร์ทซ์ (เลเวอร์คูบวงสรวง)

โรงงานผลิตดาวรุ่งที่ชื่อ "บุนเดสลีกา"

          รายท้ายที่สุด โฟลเรียน เวียร์ทซ์ มิดฟิลด์ตัวรุกจากกองทัพ "ห้างขายยา" เริ่มไปสู่ชีวิตลูกหนังเป็นครั้งแรกที่อติดอยู่เดมี่ของ วัวโลญจน์ ตรงเวลา 10 ปี ก่อนที่จะย้ายเข้ามาสู่ เลเวอร์คูสังเวย ฤดู2019/20 ในระยะแรกเขาถูกเห็นว่าจะเป็นแกนหลักในชุดเยาวชน แต่ว่าปรากฎว่าผิดจากที่คิดเขาได้ลงเล่นในชุดใหญ่ และก็เปิดฉากสนามด้วยการเป็นผู้เล่นที่อายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของชมรมด้วยวัย 17 ปี กับอีก 15 วัน แล้วก็เคยทำสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุต่ำที่สุดในบุนเดสลีกา ที่ทำคะแนนได้ในวัย 17 ปีกับอีก 34 วัน (ก่อนถูกยูซุ