เรื่องน่าสนใจด้านอารมณ์ร่วมและก็การลงอาญาหน้าแข้งของ รังนิค 
นอกเหนือจากที่จะขึ้นชื่อลือนามเรื่องแท็กติกและก็การวางส่วนประกอบกลุ่มแล้วนั้น ราล์ฟ รังนิค ยังมีชื่อเสียงหัวข้อการมีอารมณ์ร่วมกับเกมลูกหนังสูง รวมทั้งหัวข้อการลงอาญาที่ครัดเคร่งในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งโน่นก็เป็นเยี่ยมในสิ่งสำคัญที่ทำให้กลุ่มของเขาส่งผลงานที่สะดุดตาระดับหนึ่งในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
แน่ๆว่าแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายท่านหวังว่า รังนิค จะสามารถนำสิ่งนั้นมาใช้กับกลุ่มได้ เมื่อถึงเวลาที่เขาเข้ามาคุมกลุ่มชั่วครั้งชั่วคราว รวมถึงในระหว่างที่เขาขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาที่จะสามารถช่วยระบุองค์ประกอบของสมาคมในวันข้างหน้า ซึ่งวันนี้พวกเรามีตัวอปิ้งของเรื่องอารมณ์ร่วมรวมทั้งการลงทัณฑ์ของเขามาให้ได้ดูกันสักนิด
– ปิดไฟโน้มน้าว
บางเวลาการจะแก้เหตุการณ์ให้กลุ่มได้นั้นมันก็จำเป็นจะต้องใช้การบอกจูงใจในเวลาพักครึ่งที่ดี ตามแนวคิดแล้วนั้นมันฟังมองเกิดเรื่องที่ทำเป็นกล้วยๆแต่ว่าแม้เอ๋ยถึงในทางปฏิบัติแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถกระตุ้นสมาชิกให้กำเนิดความฮึกเหิมในการสู้มอบให้ชีวิตในตอนช่วงหลังได้
แต่ กาลครั้งหนึ่ง รังนิค เคยจูงใจนักฟุตบอล ไลป์ซิกข์ ในห้องแต่งตัว โดยเริ่มจากการพูดว่า "พวกเราจะสามารถพล่ามอะไรก็ได้ดังที่พวกเราปรารถนา, ผู้อื่นก็สามารถบอกอะไรก็ได้ดังที่พวกเขาอยาก พวกเอ็งเพียงแค่จำต้องทำมันเพียงแค่นั้น" แล้วหลังจากนั้นเขาก็เดินไปปิดไฟเฉย
Ralf Rangnick is a Monster imagine this guy in our dressing room pic.twitter.com/K6aaLDTfTZ
— Sourav (@Sourav_Mufc) November 25, 2021
"ยืนขึ้น ยืนขึ้นมา" เป็นประโยคถัดมาของเขาที่มาพร้อมๆกับไฟในห้อง ก่อนที่จะเขาจะบอกว่า "ฉันต้องการมีความคิดเห็นว่าอะไรเป็นปัจจัยสำหรับเพื่อการสู้ของพวกเรา ฉันอยากที่จะให้ผู้ที่ลงในสนามเป็นกองทัพที่เต็มไปด้วยทหาร ใช่ โต้ตอบไปด้วยทุกๆอย่างที่พวกแกมี เพราะว่าสถานที่ที่พวกเราต้องการไปให้ถึงน่ะมันไม่ใช่สิ่งที่จะไปถึงได้แบบฟรีๆด้วยเหตุนั้นลงไปและก็เอาสิ่งที่พวกเอ็งปรารถนามาเป็นของพวกเอ็งซะ"
– วงล้อนำโทษ
มันคือเรื่องปกติที่แต่ละสมาคมจะมีการออกบทกำหนดโทษในตอนที่นักฟุตบอลทำเรื่องผิดแบบรุนแรง ซึ่งส่วนมากแล้วเวลาออกข้อบัญญัติโทษก็จะเป็นการบัญชาตามแบบธรรมดา แต่ว่ามีบางสมาพันธ์ที่จะใช้แนวทางแบบแปลกออกไป ดังเช่นว่าวิธีการทำวงล้อสุ่มบทกำหนดโทษ
ไลป์ซิกข์ ในยุคของ รังนิค ก็เคยทำอย่างนั้นเช่นเดียวกัน โดยบทกำหนดโทษจากวงล้อเสี่ยงดวงของเขานั้นมียกตัวอย่างเช่น ไปดำเนินการในร้านขายของประจำสมาพันธ์, ไปเสิร์ฟของกินในโรงอาหาร, พาคนทัวร์สนามสำหรับแข่ง, จับจ่ายซื้อของขวัญให้สตาฟฟ์, ฝึกซ้อมในภาวะที่สวมชุดตูตู หรือชุดที่ชอบใช้กันสำหรับเพื่อการเต้นบัลเล่ต์ รวมทั้งการตัดต้นหญ้าในสนามฝึก
– ฟ้องด้วยมือถือ
ย้อนกลับไปเมื่อฤดู 2017-18 ในช่วงเวลานั้น รังนิค เป็นผู้อำนวยการกีฬาให้กับ เครื่องปรับอากาศเบ ไลป์ซิกข์ โดยที่ปรึกษาของกลุ่มในขณะนั้นเป็น ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล ซึ่งในรอบ 2 ของศึก เดเอฟเบ-โพค้างล ไลป์ซิกข์ โดนจับไปชนกับ บาเยิร์น มิวนิค กลุ่มยักษ์ใหญ่ร่วมเวที บุนเดสลีกา รวมทั้งหลายๆคนก็ชูให้นี่เป็นบิ๊กแมตช์ ด้วยเหตุว่าเมื่อ 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น "เสือใต้" เป็นแชมป์ บุนเดสลีกา ส่วน ไลป์ซิกข์ ด้อยกว่าแชมป์ลีก
ดังนี้ ในตอนครึ่งแรกของนัดหมายดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผู้ตัดสินราวกับจะให้ ไลป์ซิกข์ ได้ลูกจุดลูกโทษ ก่อนที่จะเปลี่ยเป็นเพียงแค่ลูกฟรีคิก ซึ่งชอตนี้ทำเอา รังนิค หงุดหงิดมากมายๆจนกระทั่งขนาดที่ว่าพอกรรมการเป่านกหวีดจบครึ่งแรกแล้วนั้น เขาก็ตรงลงไปในสนามกับโทรศัพท์เคลื่อนที่คู่ใจ และก็พากเพียรจะเอาไปให้ผู้ตัดสินมองว่าเขาวินิจฉัยพลาด
When Ralf Rangnick tried to show the referees a VAR decision on his phone pic.twitter.com/ZUu5JlNhFD
— sivek.utd (@SivekRaveendran) November 26, 2021
แน่ๆว่าชอตนี้ทำให้นักฟุตบอล บาเยิร์น เล็กน้อยไม่สบอารมณ์มากมายๆยกตัวอย่างเช่น มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ที่เถียงกับ รังนิค ในระดับหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ นาบี เกอิต้า ซึ่งในตอนนั้นอยู่กับ ไลป์ซิกข์ ก็บากบั่นจะเข้าไประงับอารมณ์ รังนิค โดยท้ายที่สุดเกมนั้น ไลป์ซิกข์ ก็ไม่เข้ารอบจากการแพ้ในตอนดวลเป้า 4-5 ภายหลังจบ 120 นาทีเท่ากัน 1-1 ส่วนชอตที่เขาอุตสาหะฟ้องนั้น หลายๆคนเห็นว่าคณะกรรมการตัดสินถูกแล้ว
– เด็กเกร็ดบอล –