รวมกฎใหม่ใน พรีเมียร์ลีก ฤดู 2021-22 ศึก พรีเมียร์ลีก ฤดู 2021-22 กำลังจะเริ่มขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 เดือนสิงหาคมนี้แล้ว โดยเกมเปิดฤดูกาลใหม่เป็นนัดหมายที่ เบรนท์ฟอร์ด กลุ่มสมาชิกใหม่จะเปิดบ้านพบกับ อาร์เซน่อล ซึ่งในฤดูกาลนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงกฎกันในระดับหนึ่งด้วย ทดลองไปดูเลยว่ามีอะไรกันบ้าง
– เส้นวัดล้ำหน้าดกขึ้น
ก่อนหน้าที่ผ่านมาเวลาผู้ตัดสินทางห้อง วีเออาร์ จะวินิจฉัยว่ามันล้ำหน้าไหมนั้น จะมองจากเส้นเลียนแบบที่ตีขึ้นมา แต่ว่าอดีตสมัยเส้นมันมีความกว่างในระดับ 1 มม.เพียงแค่นั้น ทำให้ในบางครั้งมันวินิจฉัยได้ยากว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าจริงๆไหม
แต่ ในช่วงฤดูกาลนี้มีการแปลงให้เส้นดังกล่าวมาแล้วข้างต้นบนจอมอนิเตอร์ของคณะทำงาน วีเออาร์ ขยายเป็น 5 เซนไม่เตรแล้ว ซึ่งพอๆกับพื้นที่สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ใช้กัน โดยในศึก ยูโร 2020 ที่เพิ่งจะจบลงไปก็มีการให้เส้นบนจอของคณะทำงาน วีเออาร์ มีความกว้างในระดับ 5 ซม.แบบเดียวกัน
– คนทางบ้านอดมองเห็น
แต่กระนั้น ในฤดูกาลใหม่นี้มันก็มีการระบุว่าจะไม่มีการฉายเส้นเลียนแบบว่าล้ำหน้าไหมให้ผู้ชมจากทางบ้านได้มองเห็นอีกต่อไปแล้ว โดยมีการบอกเหตุผลว่าที่ผ่านมามีบางบุคคลเอาภาพที่ฉายทางโทรทัศน์ไปตัดต่อกระทั่งทำให้มีการเกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งทำให้ทางกลุ่มผู้ตัดสินโดนติเตียนไปในตัวทั้งๆที่บางโอกาสพวกเขามิได้วินิจฉัยไม่ถูกเลย
– จุดล้ำหน้าของร่างกาย
มีการระบุจากทางสมาพันธ์บอลนานาประเทศ (สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ) แล้วว่าในตอนนี้ "ใต้จั๊กกะแร้" เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แล้วก็จะมีการวินิจฉัยว่าล้ำหน้าหรือเปล่าจากจุดนั้นเป็นต้นไป
– นิยามการแฮนด์บอล
ตั้งแต่นี้ต่อไปการที่บอลไปโดนมือโดยบังเอิญที่แปลงเป็นจังหวะแรกของการนำไปสู่วิธีการทำประตูนั้นจะผิดวินิจฉัยให้เป็นจังหวะแฮนด์บอลอีกต่อไปแล้ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากมันเป็นการทำแฮนด์บอลที่มีส่วนกับการผลิตช่องทางทำแต้มโดยตรง หรือแปลงเป็นกระบวนการทำให้บอลเข้าตาข่ายไปเลยก็จะโดนจับฟาวล์
เป็นต้นว่า ถ้าบอลไปโดนมือแนวรับของกลุ่ม A ตั้งแต่ในระหว่างที่บอลอยู่ในดินแดนของเขา ก่อนจะมีการต่อบอลกันอีก 5-6 จังหวะก่อนจะนำมาซึ่งวิธีการทำประตู มันก็จะไม่ถูกจับว่าเป็นแฮนด์บอล ในทางตรงกันข้าม ถ้าบอลไปโดนมือผู้เล่นกลุ่ม A กระทั่งบอลลอยไปเข้าทางเพื่อนฝูงร่วมกลุ่มคนถัดไปแล้วคนๆนั้นทำคะแนนได้ในทันทีทันใด มันก็จะโดนจับเป็นจังหวะฟาวล์
นอกนั้น ยังมีการเปลี่ยนวลีนิยามถึงแนวทางการทำให้ "ร่างกายใหญ่ขึ้นแบบไม่ยุติธรรมชาติ" ด้วย โดยมันไม่มีการขยับท่าทีไหนที่จะถูกกำหนดให้เป็น "การขยับแบบไม่ยุติธรรมชาติ" อีกต่อไป ซึ่งโน่นทำให้เหล่าผู้ตัดสินสามารถวินิจฉัยโดยยึดจากการเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลและก็โมเมนตัมของร่างกายเป็นหลักได้โดยตรง
– โดนตัวเบาๆจะไม่เป็นการฟาวล์เพื่อลดจุดลูกโทษ
ในช่วงฤดูกาล 2020-21 มันมีลูกจุดลูกโทษในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นถึง 125 ลูก ซึ่งนับว่าสูงเป็นสถิติ โดยส่วนหนึ่งส่วนใดที่ทำให้เป็นอย่างงั้นก็คือผู้ตัดสินมีการเป่าฟาวล์ด้วยทั้งๆที่บางจังหวะนั้นแนวรับไปโดนตัวแนวรุกเพียงแค่เบาๆแค่นั้น
ดังนี้ ในฤดูกาล 2021-22 มันเลยมีการเปลี่ยนแปลงว่าตั้งแต่นี้ต่อไปการโดนตัวเบาๆในกรอบจุดโทษซึ่งดูแล้วไม่น่าใกล้จะถึงขั้นทำให้แนวรุกจำต้องล้มลงนั้น จะผิดวินิจฉัยให้เป็นการฟาวล์อีกต่อไป
– ยกธงขาวล้ำหน้าเร็วขึ้น
ก่อนหน้านี้มันจะมีการยกธงขาวล้ำหน้าก็เมื่อมีการหยุดจังหวะการเล่นไปแล้ว ซึ่งโน่นทำให้นักฟุตบอลบางบุคคลวิ่งแบบฟรีๆแต่ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปมันจะมีการยกธงขาวตั้งแต่ต้นๆถ้าเกิดมันไม่ใช่จังหวะที่มีการลุ้นประตูในทันทีทันใด
– เป่าฟาวล์กับการหนุนข้างหลังคู่แข่งขัน
มันมีบางเวลาที่นักฟุตบอลหันหลังเข้าพบคู่ต่อสู้ในจังหวะที่อีกข้างกระโจนเล่นลูกในอากาศเพื่อเรียกฟาวล์ โดยหนึ่งในผู้ที่ทำอย่างงั้นกระทั่งโดนว่ากล่าวอย่างมากก็คือ แฮร์รี่ เคน แนวรุก สเปอร์ส แต่ว่าปัจจุบันมีการระบุแล้วว่าการเล่นแบบงั้นถือว่าเป็นการเล่นที่อันตราย รวมทั้งผู้ที่ทำแบบงั้นก็จะถูกจับฟาวล์
– สลับตัวแบบพิเศษ
ใน พรีเมียร์ลีก จะยังมีการใส่ผู้เล่นสำรองได้สูงสุด 9 คนอย่างเดิม ต่างกับตั้งแต่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ลงไปที่มีตัวสำรองได้ 7 คนแค่นั้น และก็แต่ละกลุ่มก็สามารถสลับตัวตามธรรมดาได้สูงสุด 3 รายเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดี ที่มีการแปรไปก็คือมีการให้โควตา "การเปลี่ยนตัวผู้ที่มีลักษณะกระเทือนทางสมอง" เพิ่มจากการเปลี่ยนตัวตามเดิมด้วย ภายหลังจากมีการคุยกันว่าบรรดานักเตะเสี่ยงที่กำลังจะได้รับเจ็บแบบดังที่กล่าวมาข้างต้นกระทั่งบางครั้งก็อาจจะมีผลถึงการตาย ซึ่งโควตาการเปลี่ยนตัวผู้ที่มีลักษณะอาการกระทบทางสมองนั้นแต่ละกลุ่มสามารถทำเป็น 2 คนต่อ 1 เกม