กว่าจะสำเร็จ! ขั้นตอนภารกิจมหากาพย์ล่า ซานโช่

กว่าจะสำเร็จ! ขั้นตอนภารกิจมหากาพย์ล่า ซานโช่ กว่าจะสำเร็จ! ขั้นตอนภารกิจมหากาพย์ล่า ซานโช่ ภารกิจตามล่าตัว เจดอน ซานโช่ อันยาวนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงจะจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งถ้าไม่มีเหตุการณ์พลิกผันระดับช็อกโลก หลังจากที่ล่าสุด “ปีศาจแดง” ประกาศเองว่าบรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เกี่ยวกับการย้ายทีมได้แล้ว

   อย่างที่หลายคนคงจะรู้กันดีว่าการย้ายทีมในโลกฟุตบอลนั้นมันไม่ได้เรียบง่ายด้วยการแค่โทรศัพท์ไปขอซื้อนักเตะจากอีกฝ่ายดื้อๆ และทุกอย่างจะจบลง ซึ่งล่าสุด ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาที่มีความน่าเชื่อถือสูงก็ออกมาเปิดเผยถึงดีลของ ซานโช่ ที่กินเวลามานานพอตัวก่อนที่จะจบลงในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วย

   ตอนตี 5 ของวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หรือก็คือไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจบฤดูกาลแบบมือเปล่าเป็นซีซั่นที่ 4 ติดต่อกัน จากการที่แพ้ บียาร์เรอัล ในช่วงดวลจุดโทษของนัดชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ไมค์ ฟีแลน ผู้ช่วยคนสนิทก็กลับมาที่บ้านในสภาพที่ช้ำใจสุดขีด แต่พวกเขาและทีมสตาฟฟ์ของ "ปีศาจแดง" ก็รู้ดีว่ามันไม่มีเวลามานั่งซึมเศร้าอีกต่อไปแล้ว พวกเขาต้องทำบางอย่างเพื่อที่จะทำให้ทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งให้ได้

   ด้วยเหตุนี้ ตอนเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม โซลชา, ฟีแลน, จอห์น เมอร์เท่อห์ ผู้อำนวยการกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึงทีมงานอีกบางคนเลยหารือเรื่องแผนการทำทีมกันที่ แคร์ริงตัน ศูนย์ฝึกซ้อมของทีม โดยที่บางคนต้องประชุมผ่านระบบออนไลน์ แต่ถึงอย่างนั้นในที่ประชุมก็ได้ข้อสรุปว่าไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาก็ต้องเอา ซานโช่ มาร่วมทัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไได้

   แน่นอน การประชุมย่อยครั้งนี้ไม่ใช่วาระเร่งด่วนที่เกิดจากการแห้วแชมป์ ยูโรปา ลีก เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด หมายตา ซานโช่ เอาไว้นานแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการตอกย้ำว่าทีมงานของ แมนฯ ยูไนเตฌ็ด อยากจะรีบปิดดีลให้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้มันยืดเยื้อจนสุดท้ายส่งผลกระทบกับการทำทีมเหมือนที่ผ่านๆ มา กรณีของ เอดินสัน คาวานี่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถือเป้นบทเรียนที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หลังจากทั้ง 3 คนนั้นมาอยู่กับทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดการซื้อขาย ซึ่งสุดท้ายรอบนี้พวกเขาก็ปิดดีลกับ ซานโช่ ได้อย่างรวดเร็ว

   ว่ากันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มภารกิจล่าตัว ซานโช่ รอบใหม่อย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หรือก็คือ 2 วันหลังจากการประชุมของทีมสตาฟฟ์ โดยที่ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของทีมได้ติดต่อไปหา ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค่ ผู้บริหารของ ดอร์ทมุนด์ เกี่ยวกับการจะดึง ซานโช่ มาร่วมทัพให้ได้

   อันที่จริง แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ความสนใจในตัว ซานโช่ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019 แต่ตอนนั้นพวกเขามองว่าการจะทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้นั้นมันยุ่งยากเกินไป และเลือกที่จะหาปีกคนอื่นมาให้ โซลชา ใช้งานแทน และคนที่ว่าก็คือ แดเนี่ยล เจมส์

   "เร้ด อาร์มี่" บางส่วนคงหงุดหงิดที่ทีมรักของพวกเขาทำให้ดีลนี้มันยืดเยื้อมานาน 2 ปีกว่าที่จะปิดดีลกับ ซานโช่ ได้ แต่หากมองในด้านการเงินแล้วนั้น นี่ก็นับเป็นการรอคอยที่คุ้มค่าในระดับหนึ่ง เพราะค่าตัวในการย้ายทีมของ ซานโช่ อยู่ที่ 85 ล้านยูโร โดยที่จะเป็นการแบ่งจ่ายเป็นเวลา 5 ปีด้วย

   นั่นหมายความว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะจ่ายเงินค่าตัว ซานโช่ ให้กับ ดอร์ทมุนด์ เพียงแค่ปีละ 17 ล้านยูโรเท่านั้น และถ้าจะพูดถึงค่าตัวโดยรวมแล้วล่ะก็ ดีลนี้มันก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ประหยัดเงินไปได้ถึง 35 ล้านยูโร หลังจากช่วงซัมเมอร์ของปีก่อน ดอร์ทมุนด์ ยื่นคำขาดว่าจะยอมปล่อย ซานโช่ ก็ต่อเมื่อได้ค่าตัวถึง 120 ล้านยูโรสถานเดียว

   ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่ดีลนี้จบลงด้วยดีสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด มันก็ต้องให้เครดิตกับ วู้ดเวิร์ด ด้วย อย่างที่รู้กันดีว่ามีการประกาศไปแล้วว่า วู้ดเวิร์ด จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนจบปีนี้ จนทำให้ตอนนั้นหลายคนคิดว่าเขาคงจะนั่งชิลล์ๆ กินเงินเดือนไปวันๆ แต่ ดิ แอธเลติก บอกว่าที่จริงแล้ว วู้ดเวิร์ด มีส่วนร่วมกับดีลนี้อย่างมาก เพราะหลังจากที่ โซลชา, ทีมสตาฟฟ์ และทีมงานด้านการเสริมทัพบอกว่า ซานโช่ คือเป้าหมายหลักที่ทีมต้องคว้ามาให้ได้แล้วนั้น วู้ดเวิร์ด ก็ติดต่อกับ วัตซ์เค่ อยู่เรื่อยๆ ทั้งผ่านทาง วอทส์แอพ และการคุยกันโดยตรงทางโทรศัพท์

   นี่ถือเป็นการดำเนินการที่ต่างจากปีก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะปีที่แล้ว วู้ดเวิร์ด ทำการเจรจาผ่านทาง เอเมก้า โอบาซี่ เอเยนต์ของ ซานโช่ และคนกลางอย่าง มาร์โก ลิคเท่นสไตเนอร์ ซึ่งเป็นพี่ชายของ สเตฟาน ลิคเท่นสไตเนอร์ เป็นหลัก ซึ่งมันทำให้ตอนนั้น ดอร์ทมุนด์ ไม่พอใจในระดับหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากเจรจากับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยตรงมากกว่า

   ที่จริงในการเจรจาของปีนี้นั้น มาร์โก ก็ยังมีเอี่ยวเหมือนกัน แต่รายของ โอบาซี่ มีส่วนร่วมกับการเจรจาเรื่องค่าตัวของการย้ายทีมน้อยลง โดยเขาได้คุยแค่เรื่องสัญญาของ ซานโช่ กับทาง แม็ตต์ จัดจ์ หัวหน้าฝ่ายการเจรจาของ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้น และมันก็ทำให้การคุยกันระหว่าง วู้ดเวิร์ด กับ วัตซ์เค่ ไหลลื่นมากๆ

   สำหรับ ซานโช่ เองนั้น เขาให้ความสนใจที่จะย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ ปีก่อนแล้ว โดยตอนนั้นเขาถึงขั้นพูดแบบติดตลกกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้วยซ้ำว่า "นายไปขอให้ เอ็ด ช่วยจ่ายเงินสักทีได้ไหมน่ะ "

   ใช่แล้ว ซานโช่ กับ แรชฟอร์ด สนิทกันมากๆ พวกเขามักจะเล่นวิดีโอเกมด้วยกันตามประสาแข้งอายุน้อย และหากจะบอกว่า แรชฟอร์ด มีส่วนทำให้ ซานโช่ ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่บ้าง มันก็ไม่ผิดอะไรนัก โดยตัว ซานโช่ ก็หาบ้านในเมืองแมนเชสเตอร์มาพักหนึ่งแล้วเหมือนกัน เรียกได้ว่าเขาเตรียมความพร้อมที่จะย้ายทีมตั้งแต่ตอนที่ศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ซีซั่นล่าสุดจบลงก็ว่าได้

   – เด็กเกร็ดบอล –